1.จงอธิบายความหมาย
พร้อมยกตัวอย่างของคำดังต่อไปนี้
ฮาร์ดแวร์
(Hardware) หมายถึง เครื่องมือในระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วยหน่วยรับ
หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผลลัพธ์ รวมทั้งอุปกรณ์รอบข้างต่าง ๆ เช่น เมาส์ จอภาพ
เครื่องพิมพ์ ซีพียู ฯลฯ
1.1
ไมโครโปรเซสเซอร์
1.2
หน่วยความจำ
1.3
อุปกรณ์เก็บข้อมูล
1.4
อุปกรณ์รับข้อมูล/แสดงผล
ซอฟต์แวร์
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
Peopleware หมายถึง
บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน
สั่งงานเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ แบ่งออกได้ 4 ระดับ ดังนี้
1. ผู้จัดการระบบ (System Manager)
คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน
2. นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst)
คือ ผู้ที่ศึกษาระบบงานเดิมหรืองานใหม่และทำการวิเคราะห์ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการใช้คอมพิวเตอร์กับระบบงาน เพื่อให้โปรแกรมเมอร์เป็นผู่เขียนโปรแกรมให้กับระบบงาน
3. โปรแกรมเมอร์ (Programmer)
คือ ผู้เขียนโปรแกรมสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้
4. ผู้ใช้ (User)
คือ ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ซึ่งต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
เนื่องจากเป็นผู้กำหนดโปรแกรมและใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ มนุษย์จึงเป็นตัวแปรสำคัญในอันที่จะทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากคำสั่งและข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลได้รับจากการกำหนดของมนุษย์ (Peopleware) ทั้งสิ้น
Data
และ Information
ความหมายของข้อมูล
- ข้อมูล (Data) หมายถึง ข่าวสาร เอกสาร
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่มีอยู่ในรูปของตัวเลข ภาษา ภาพ
สัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีความหมายเฉพาะตัว
ซึ่งยังไม่มีการประมวลไม่เกี่ยวกับการนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2525) ให้ความหมายของ
ข้อมูล (Data) หมายถึง
ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่ถือหรือยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง
สำหรับใช้เป็นหลักอนุมานหาความจริงหรือ การคำนวณ
- ข้อมูล (Data) หมายถึง
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่อยู่ในรูปของตัวเลขหรือสัญลักษณ์ต่างๆ
ที่ยังไม่ผ่านการประมวลข้อมูล
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
(2525) ให้ความหมายของ ข้อมูล (Data) หมายถึง
ข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่ถือหรือยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง
สำหรับใช้เป็นหลักอนุมานหาความจริงหรือ การคำนวณ
ความหมาของสารสนเทศ
(Information)
- สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี
การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ
ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย
มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
- สารสนเทศ (Information) หมายถึง
ความรู้หรือข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ได้รับการประมวลแล้วและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
- สารสนเทศ (Information) หมายถึง
ข้อมูลที่ได้ถูกกระทำให้มีความสัมพันธ์หรือความหมายนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น
การเก็บข้อมูล การขายรายวันแล้วนำการประมวลผล เพื่อหาว่าสินค้าใดมียอดขายสูงที่สุด
เพื่อจัดทำแผนการขายในเดือนต่อไป ซึ่งสารสนเทศมีประโยชน์ คือ
1. ให้ความรู้
2. ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
3. ทำให้เห็นสภาพปัญหา สภาพการเปลี่ยนแปลงว่าก้าวหน้าหรือตกต่ำ
4. สามารถประเมินค่าได้
สารสนเทศ
(Information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงหรือมี
การประมวลหรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่างๆ
ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความหมาย
มีคุณค่าเพิ่มขึ้นและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
- ร้านขายของสะดวกซื้อ
สาเหตุที่เลือกใช้
ฐานข้อมูลเป็นแหล่งเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ เมื่อนำข้อมูลที่เก็บอยู่ภายในฐานข้อมูล นำมาประมวลผลโดยการนับ รวบรวม จัดกลุ่ม จำแนก หาค่าเฉลี่ยหรือคิดเป็นร้อยละ แล้วแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็นกราฟจะได้เป็นสารสนเทศ และนำสารสนเทศที่ได้ ไปใช้ในการตัดสินใจ ของผู้บริหารองค์กรจะทำให้ผู้บริหารองค์กรติดสินใจได้ถูกต้องการบริการลูกค้ามีความสะดวก รวดเร็ว ลูกค้ามีความพึงพอใจองค์กรมีการพัฒนาก้าวหน้าต่อไปได้
ระบบฐานข้อมูลที่จัดเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการ
เรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล
ซึ่งเมื่อเอาระบบจัดการฐานข้อมูลมาใช้จะทำให้มีประสิทธิภาพการสอบถามข้อมูลได้คำตอบที่ถูกต้อง
ตรงกับความต้องการการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปตามสิทธิ์ของผู้ใช้แต่ละคนทำให้ข้อมูลปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ข้อมูลที่จัดเก็บจะลดความซ้ำซ้อนลงได้และข้อมูลจะไม่ขัดแย้งกันมีความเป็นบูรณภาพ
การเก็บข้อมูลในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์นั้นมีการเก็บเป็นอักขระตามรหัสของแต่ละอักขระอักขระตัวหนึ่งจะต้องใช้
8 บิตในมาตรฐานรหัส ASCII แต่ถ้าเป็นมาตรฐานรหัส Unicode จะใช้16 บิต
ซึ่งตัวอักขระหนึ่งตัวเรียกว่า 1 ไบต์
โดยปกติแล้วการเก็บข้อมูลจะเก็บเป็นกลุ่มคำที่เก็บในลักษณะของตาราง
ตารางประกอบด้วยแถวและสดมภ์ ถ้ามองระดับสดมภ์ เรียกว่า ข้อมูลระดับสดมภ์ว่า
เขตข้อมูลในแต่ละแถวจะมีมากกว่าหนึ่งสดมภ์ถ้ามองในระดับแถวจะเรียกการเก็บข้อมูลแบบนี้ว่า
ระเบียน จะเห็นว่าในหนึ่งตารางจะมีหลาย ๆ แถว
ในระบบฐานข้อมูลเรียกตารางว่าแฟ้มข้อมูล
แต่มุมมองจินตภาพเรียกว่าเอ็นทิตีปกติจะมีตารางมากกว่าหนึ่งตาราง
เพราะฉะนั้นตารางหลาย ๆตารางหรือหลาย ๆ แฟ้มข้อมูลเรียกว่า ฐานข้อมูล
ปัญหาในการจัดการข้อมูลในอดีต
มีหลายปัญหา เช่น ความยุ่งยากในการประมวลผลแฟ้มข้อมูล
เนื่องจากต้องใช้คำสั่งของภาษาระดับสูงจัดการข้อมูลโดยตรงข้อมูลไม่มีความเป็นอิสระ
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างข้อมูล ต้องแก้ไขชุดคำสั่งด้วยแฟ้มข้อมูลมีความซ้ำซ้อนมากแฟ้มข้อมูลมีความถูกต้องของข้อมูลน้อยแฟ้มข้อมูลมีความปลอดภัยน้อย
และแฟ้มข้อมูลขาดการควบคุมจากส่วนกลาง เป็นต้น
ฐานข้อมูล แบ่งความสัมพันธ์ออกเป็น
3 ชนิด ได้แก่ ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม
และความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
นอกจากนี้ฐานข้อมูลได้มีการจำลองข้อมูลเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ๆ มีการจำลองออกเป็น
3 แบบด้วยกัน ได้แก่ การจำลองแบบลำดับชั้น การจำลองแบบเครือข่าย
และการจำลองแบบเชิงสัมพันธ์
ประเภทของฐานข้อมูล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แบ่งตามจำนวนผู้ใช้ มีแบบใช้เพียงคนเดียวและผู้ใช้หลายคน กับแบ่งตามขอบเขตของงาน และแบ่งตามสถานที่ตั้ง และแบ่งตามการใช้งาน เป็นต้นหน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล มี 7 อย่างด้วยกัน ได้แก่ หน้าที่ในการจัดการพจนานุกรมข้อมูลจัดการแหล่งจัดเก็บข้อมูลการเปลี่ยนรูปแบบ และการแสดงผลข้อมูล จัดการด้านปลอดภัยของข้อมูลควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน แต่ละกลุ่ม สำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลจัดการด้านบูรณภาพของข้อมูลมีภาษาสำหรับจัดการข้อมูลและจัดสร้างส่วนประสานกับผู้ใช้และเป็นส่วนประสานกับผู้ใช้ในด้านการสื่อสารฐานข้อมูล
ภาษาที่ใช้ในการจัดการฐานข้อมูล ใช้ภาษาเอสคิวแอล แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ภาษาสำหรับการนิยามข้อมูล ภาษาสำหรับการจัดการข้อมูล และภาษาในการควบคุม และในระบบฐานข้อมูลจะต้องสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องด้วยมีทั้งหมด 5 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร กระบวนการ และข้อมูล ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีความสำคัญทั้งนั้น ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้เลย จะทำให้ระบบฐานข้อมูลไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์
3.ให้นักศึกษาแสดงข้อมูล จำนวน 1 ชุด
พร้อมทั้งแสดงในรูปแบบระบบสารสนเทศ
ในการออกแบบฐานข้อมูลของร้านค้าปลีก
ทางกลุ่มได้ตั้ง business Model ดังนี้ ร้านค้าปลีก ที่สั่งซื้อขนมจาก
supplier หลายราย มาขายในร้าน และมีการรับประกันคุณภาพสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถคืนสินค้าได้ภายใน
3 วัน และจะทาการเปลี่ยนสินค้าใหม่และจัดส่งให้ลูกค้าในอีก 3
วัน โดยมีกระบวนการดังนี้
- ทางร้านมีการสั่งซื้อสินค้าจาก
Supplier
- ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากทางร้าน
- ทางร้านทาการส่งสินค้าให้กับลูกค้า โดยที่มีการรับประกันคุณภาพสินค้า
ถ้าสินค้ามีการชารุด เสียหาย ลูกค้าสามารถส่งคืนทางร้าน และทางร้านจะทาการเปลี่ยนสินค้าแล้วส่งสินค้าให้ลูกค้าภายใน
3 วัน
โดยที่ Database นี้ประกอบด้วยข้อมูล 9 Entities ดังนี้
1.) Customer :
(T_Customer) เป็นฐานข้อมูลลูกค้าของทางร้าน ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ
2.) Order : (T_order) เป็นฐานข้อมูลใบเสร็จรับเงินในการขาย ที่ประกอบด้วย รายละเอียดต่างๆดังรูป (Oid เป็น Primary Ke
3.) Order-detail: (T_Order_Detail) เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดการขายสินค้า ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ
4.) Product : (T_Product)
เป็นฐานข้อมูลสินค้าภายในร้าน ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆดังรูป
5.) Product- Order: (T_PO) เป็นฐานข้อมูลใบรายการสั่งซื้อสินค้าจาก supplier ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆดังรูป(PO_ID เป็น Primary Key)
6.) Product-order detail: (T_PO_detail) เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดใบรายการสั่งซื้อสินค้าจาก supplier ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ ดังรูป(O_ID และ P_idเป็น Foreign Key)
รูปที่ 13แสดงขอบเขตข้อมูลใบขายสินค้าจาก
supplier
รูปที่ 14 แสดงตัวอย่างใบขายสินค้าจาก supplier
7.) Supplier :
(T_suppliers) เป็นฐานข้อมูลของ supplier ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆดังรูป
(Sup_idเป็น Primary Key)
รูปที่ 15แสดงขอบเขตข้อมูลของ supplier
8.) Claim : (T_claim) เป็นฐานข้อมูลใบส่งคืนสินค้าชารุด ที่ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ ดังรูป
(Claim_idเป็น Primary Key)
รูปที่ 17แสดงขอบเขตข้อมูลใบส่งคืนสินค้าชารุด
รูปที่ 18แสดงตัวอย่างข้อมูลใบส่งคืนสินค้าชารุด
9.) Claim detail:
(T_Claim_detail) เป็นฐานข้อมูลรายละเอียดใบส่งคืนสินค้าที่ชารุด ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆดังรูป
(O_idและ P_idเป็น
Foreign Key)
รูปที่ 19 แสดงขอบเขตข้อมูลรายละเอียดใบส่งคืนสินค้าที่ชารุด
รูปที่ 20แสดงตัวอย่างข้อมูลรายละเอียดใบส่งคืนสินค้าที่ชารุด
ความสัมพันธ์ของข้อมูล (Entity Relationship)
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นภายใน Database นี้ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
1.) One to Many : ความสัมพันธ์แบบ หนึ่งต่อกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น
- ความสัมพันธ์ระหว่าง
Customer กับ Order: ลูกค้าหนึ่งคนสามารถสั่งสินค้าได้หลายใบสั่งสินค้า
- ความสัมพันธ์ระหว่าง
Product-order กับ Supplier : Supplier หนึ่งรายสามารถส่งของให้เราได้หลายชนิดสินค้า
2.) Many to Many : ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น
- ความสัมพันธ์ระหว่าง
Order กับ Product : ใบเสร็จรับเงินหนึ่งใบสามารถมีได้หลายชนิดสินค้า
และ สินค้าหนึ่งชนิดสามารถอยู่ในใบเสร็จรับเงินหลายใบ
- ความสัมพันธ์ระหว่าง
Product กับ Product-order : สินค้าหนึ่งชนิดสามารถสั่งในใบสั่งซื้อสินค้าจาก
supplier ได้หลายใบ และ ใบสั่งซื้อสินค้าจาก supplier หนึ่งใบสามารถมีสินค้าได้หลายชนิด
- ความสัมพันธ์ระหว่าง
Product กับ Claim :สินค้าหนึ่งชนิดสามารถส่งคืนได้หลายใบส่งคืนสินค้าชารุด
และ ใบส่งคืนสินค้าชารุดหนึ่งใบสามารถมีได้หลายชนิดสินค้า
การสร้างฟอร์ม (Form)ช่วยในการบันทึกข้อมูล
เมื่อเป็นโปรแกรม
accessจะปรากฏหน้าต่าง F_Startup ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
หน้าต่างนี้จะช่วยในการบันทึกข้อมูลการขายสินค้า การสั่งซื้อ และการรับคืนสินค้าจากลูกค้าได้สะดวกมากขึ้น
รูปที่ 21แสดง หน้าต่าง F_Startup ช่วยในการบันทึกข้อมูล
1. การขายสินค้า
หน้าต่างนี้จะช่วยให้การบันทึกรายการขายสินค้าทาได้สะดวกมากขึ้น
เริ่มต้นจากกดปุ่มในช่องลูกค้าจะปรากฏหน้าต่างแสดงรายชื่อลูกค้าที่เป็นสมาชิก เมื่อเลือกชื่อลูกค้าแล้ว
โปรแกรมจะไปดึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของลูกค้ารายนั้นทันที จากนั้นบันทึกวันที่ขายสินค้า
และวันที่รับสินค้า(ระบบจะตั้งค่าเป็นวันที่ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ)ข้อมูลนี้จะถูกบันทึกในตาราง T_Order
รูปที่ 22แสดง การบันทักรายการขายสินค้า
จากนั้นบันทึกรายละเอียดสินค้าในกรอบด้านล่าง โดยกดปุ่ม ในช่องรหัสสินค้า
โปรแกรมจะไปดึงข้อมูลรหัสสินค้า และชื่อสินค้าโดยใช้คิวรี่ไปดึงข้อมูล เมื่อเลือกชื่อสินค้าแล้วจะปรากฏราคาขายขึ้นทันที
จากนั้นใส่จานวนสินค้าที่ขาย โปรแกรมจะคานวณราคายอดรวมของสินค้าแต่ละรายการข้อมูลนี้จะถูกบันทึกในตาราง T_Order_detail
รูปที่ 23แสดงการบันทักรายการขายสินค้า
2. การสั่งซื้อ
หน้าต่างนี้จะช่วยให้การบันทึกรายการซื้อสินค้าทาได้สะดวกมากขึ้น
เริ่มต้นจากกดปุ่มในช่องซัพพลายเออร์จะปรากฏหน้าต่างแสดงรายชื่อซัพพลายเออร์เมื่อเลือกชื่อซัพพลายเออร์แล้ว
โปรแกรมจะไปดึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของซัพพลายเออร์รายนั้นทันที จากนั้นบันทึกวันที่ซื้อสินค้า(ระบบจะตั้งค่าเป็นวันที่ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ)
ข้อมูลนี้จะถูกบันทึกในตาราง T_PO
จากนั้นบันทึกรายละเอียดสินค้าในกรอบด้านล่าง โดยกดปุ่ม
ในช่องรหัสสินค้า โปรแกรมจะไปดึงข้อมูลรหัสสินค้า และชื่อสินค้าโดยใช้คิวรี่ไปดึงข้อมูล
จากนั้นใส่จานวนสินค้าที่ซื้อ ราคาซื้อที่ได้ตกลงกันไว้ โปรแกรมจะคานวณราคายอดรวมของสินค้าแต่ละรายการข้อมูลนี้จะถูกบันทึกในตาราง T_PO_detai
รูปที่ 24แสดงการบันทักรายการซื้อสินค้า
3. การรับคืนสินค้า
เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้วไม่พอใจ หรือสินค้ามีเกิดความเสียหาย
ลูกค้าสามารถนาสินค้านั้นมาคืนได้ แล้วทาการบันทึกข้อมูลในหน้าต่างบันทึกรายการรับคืนสินค้า
โดยการกดปุ่ม ในช่องเลขที่ใบเสร็จรับเงิน โปรแกรมจะไปดึงข้อมูล รหัสลูกค้า ชื่อ ที่อยู่
และเบอร์โทรศัพท์ให้โดยอัตโนมัติ จากนั้นกดปุ่ม ในช่องชื่อสินค้าที่คืน เลือกรายการสินค้าที่ลูกค้าคืน
ใส่ข้อมูลจานวนเงิน และราคาสินค้าที่รับคืน โปรแกรมจะคำนวณยอดรวมให้โดยอัตโนมัติ
รูปที่ 25แสดงการบันทักรายการรับคืนสินค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น